สาระเกษตร » 7 ผักสวนครัวผักปลูกในร่ม ไม่โดนแดดก็ไม่ตาย เหมาะไว้วางในห้องครัว !!

7 ผักสวนครัวผักปลูกในร่ม ไม่โดนแดดก็ไม่ตาย เหมาะไว้วางในห้องครัว !!

24 พฤษภาคม 2022
277   0

 

ผักสวนครัวปลูกในร่ม มาดูผักไม่ชอบแดด 7 ชนิด เหมาะสำหรับปลูกในห้องครัว อยากมีผักสดไว้เก็บกิน มาปลูกผักในร่มกันเถอะ

           เนื่องจากหลายคนไม่มีพื้นที่จัดสวนหรือปลูกผักนอกบ้าน วันนี้กระปุกดอทคอมเลยรวมผักสวนครัวปลูกในร่มมาฝาก เป็นผักที่ไม่ชอบแดด ชอบแดดน้อย ๆ และโดนแดดบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ชอบโดนแดดโดยตรง เหมาะสำหรับปลูกในห้องครัวและในบ้าน อยากมีผักสด ๆ ไว้เก็บกินที่บ้าน มาดูกันว่ามีผักสวนครัวชนิดไหนบ้านที่เหมาะสำหรับปลูกในร่ม เช่น ในห้องครัว ไว้เก็บไปทำอาหารกันค่ะ

1. ผักชี

          ผักชี ชอบอยู่ในบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ ไม่โดนแดดจ้าโดยตรง เช่น พื้นที่ใกล้หน้าต่างที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกหรือตะวันออก และจะเจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีการระบายน้ำดี เช่น ปลูกในดินร่วนหรือกาบมะพร้าว การรดน้ำให้ดูที่หน้าดินก่อนทุกครั้ง หากหน้าดินเริ่มแห้งให้รดน้ำได้เลย แต่ถ้ายังชื้นอยู่มากก็ไม่จำเป็นต้องรด เพราะจะทำให้ดินแฉะเกินไป สามารถเพาะได้ด้วยการใช้เมล็ด โดยบดเม็ดให้แตกเป็น 2 ซีก แล้วนำไปแช่น้ำประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นผึ่งลมให้แห้ง ก่อนนำไปคลุกกับทรายหรือขี้เถ้า เมื่อเริ่มมีรากค่อยย้ายไปปลูกในกระถาง คลุมหน้าดินด้วยฟางหรือหญ้า รดน้ำให้ชุ่ม ใช้เวลาในการปลูกประมาณ 30-45 วัน จึงสามารถเก็บ ผักชี มากินได้

2. ต้นหอม

          ต้นหอม เป็นผักที่สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลและวัสดุที่นำมาปลูกด้วย เพราะมีผลกับขนาดของลำต้นและความกว้างของใบ โดยสามารถวางกระถางไว้ใกล้หน้าต่างได้ แต่ควรเป็นหน้าต่างที่อยู่ทางทิศตะวันออกหรือตะวันตก และโดนแดดบ้างอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ต่อวัน เจริญเติบโตได้ดีในดินที่มีความชื้นสูง นิยมเพาะด้วยการปักชำ เริ่มจากตัดต้นหอมเหนือราก 1.5-2 นิ้ว แล้วปักชำลงไปในดินผสมเปลือกถั่วลิสงบด แต่ละต้นควรปลูกให้ห่างกันอย่างน้อย 2 นิ้ว แล้วรดน้ำให้ชุ่ม ประมาณ 45 วัน จึงจะเก็บกินได้

3. ขิง

          ขิง สามารถปลูกได้ทุกจุด ยกเว้นพื้นที่ที่มีความร้อนสูงหรือโดนแดดโดยตรง และจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ร่มหรือที่อุณหภูมิ 21 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 21 องศาเซลเซียส ปลูกขิงโดยการใช้เหง้าหรือขิงแก่อายุประมาณ 10-12 เดือนมาผึ่งลมให้แห้ง แล้วหั่นเป็นท่อนความยาวประมาณ 2 นิ้ว แต่ละท่อนควรมีตาติดอยู่ประมาณ 2-3 ตา แล้วปักลงไปในดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยคอกหรือกากถั่ว เพื่อให้ดินโปร่ง และเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมี เพราะจะทำให้รากเน่า เมื่ออายุได้ 2 เดือนให้ใส่ปุ๋ยคอกและกลบดินที่โคน จากนั้นอีก 1 เดือนค่อยกลบโคนอีกครั้ง เพื่อกระตุ้นให้ ขิง แตกหน่อ

4. บล็อกโคลี

          บล็อกโคลี ผักแสนอร่อยที่นำมาทำได้หลากหลายเมนูชนิดนี้ แม้จะชอบที่ร่ม แต่ก็ควรโดนแดดวางไว้ในจุดที่มีแดดบ้างหรือโดนแดดอย่างน้อย 2-3 ชั่วต่อวัน และเจริญเติบโตได้ดีในดินที่สามารถระบายน้ำได้ดี เช่น ดินร่วนปนทราย เพาะพันธุ์ได้โดยนำต้นกล้ามาปลูกในดินแล้วรดน้ำให้ชุ่ม สัปดาห์แรกควรให้รดน้ำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง แล้วค่อยเพิ่มเป็นวันเว้นวัน หรือ 2-3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เมื่อเริ่มออกดอกเปลี่ยนเป็นรดน้ำวันละครั้ง หรือวันเว้นวัน หมั่นตัดแต่งใบทุก ๆ 10 วัน ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จึงจะเก็บดอกกินได้

5. แครอท

          แครอท ผักสีสันสดใสชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตได้ในที่ร่ม แต่หากเพาะด้วยเมล็ด ช่วงแรก ๆ หลังหว่านเมล็ดควรวางกระถางไว้ในที่ที่โดนแดดอย่างน้อย 4-5 ชั่วโมง ต่อวัน และต้องหมั่นย้ายกระถาง ดินที่จะนำมาปลูก ควรใช้ดินร่วนผสมปุ๋ยหมักชีวภาพและแกลบดำ ในดินไม่ควรมีกรวด หิน หรือเศษไม้ เพราะจะทำให้แครอทงอ เสร็จแล้วคลุมด้วยฟาง รดน้ำให้ชุ่ม

6. ขึ้นฉ่าย

          ขึ้นฉ่าย จะเจริญเติบโตได้ดีในช่วงที่มีอากาศเย็นหรือบริเวณที่มีอุณหภูมิต่ำ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาถ้าปลูกขึ้นฉ่ายในฤดูร้อน หากนำไปวางในที่ร่มและมีความชื้นสูง นอกจากนี้ยังชอบดินที่มีความชื้นสูงแต่ไม่แฉะ เพาะด้วยการนำเมล็ดผสมกับทรายก่อนฝังลงในดิน แต่ละต้นควรปลูกให้ห่างกัน 2-3 นิ้ว เพื่อความสะดวกในการถอนแยก ใช้ฟางคลุมหน้าดิน ประมาณ 3 สัปดาห์ค่อยนำออก หมั่นรดน้ำทั้งเช้าและเย็น และเริ่มใส่ปุ๋ยบำรุงเมื่อต้นกล้ามีอายุได้ประมาณ 10-15 วัน 

7. ผักกาดหอม

          ผักกาดหอม เป็นผักที่ชอบอากาศเย็นและที่ร่ม ปลูกได้ในดินทุกชนิด แต่จะจเริญเติบโตได้ดีที่สุดในดินที่มีการระบายน้ำดี เช่น ดินร่วน และเพาะด้วยเมล็ด โดยเริ่มจากตากดินก่อนปลูกประมาณ 7-10 วัน แล้วนำมาผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก จากนั้นโรยเมล็ดลงไป เมื่อต้นกล้ามีใบจริง 2-3 ใบ ให้ถอนแยกต้นที่อ่อนแอทิ้ง และถอนแยกครั้งสุดท้าย เมื่อผักกาดหอมมีอายุได้ประมาณ 3 สัปดาห์ หมั่นรดน้ำทั้งเช้าและเย็น แต่ควรระวังไม่ให้น้ำเข้าปลี การเก็บเกี่ยวให้ตัดใบจากโคนไล่ขึ้นมา เพื่อให้ปลายแตกยอดต่อไปได้อีก

ขอขอบคุณ : home.kapook.com